สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 2 พ.ค.67 แต่งตั้งมาริษ รมว.ต่างประเทศ-โกดังของกลาง อ.ภาชี ระเบิด-ผลข้างเคียงวัคซีนแอสตร้าฯ

โดย thichaphat_d

2 พ.ค. 2567

43 views

1. ระเบิดอีก กากสารเคมีพิษ โกดังของกลางอำเภอภาชีไฟลุกท่วม

ระทึกเมืองอยุธยาอีก หลังกากสารเคมีพิษ 4 พันตัน โกดังของกลางอำเภอภาชี เกิดระเบิดควันโขมงพุ่งสูง ส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่วบริเวณ ขณะที่ ปภ. สั่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รพ.ภาชี ออกนอกพื้นที่ด่วน เหตุอยู่ในรัศมีท้ายลม ห่างจากโกดังเก็บกากสารเคมีพิษเพียง 500 เมตร ประสานรถน้ำกว่า 10 คัน ข้าดับเพลิง พร้อมระบุโกดังนี้ เคยถูกวางเพลิงเมื่อ 29 ก.พ.67 ที่ผ่านมา

ขณะที่ชาวบ้าน ระบุได้กลิ่นเหม็นรุนแรงตั้งแต่ช่วงบ่าย ไม่คาดคิดว่าจะเกิดระเบิดจนไฟไหม้ใหญ่แบบนี้ ก่อนตัดพ้อเจอแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชี้เป็นเพราะไม่เร่งขนย้ายสารเคมีออกไปนอกพื้นที่ ด้านผู้ว่า เผยสาเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ยังไม่ชัดว่าเกิดการจากอะไร แต่พบร่องรอยการทุบทำลาย เป็นช่องขนาดใหญ่ในโกดัง 5

2. อดีตซีอีโอ แจงคดี ปี’65 ไม่ได้ดื่ม – ตร.แจงปม ไม่ส่งฟ้อง

อดีตซีอีโอเหมียว เปิดหน้ารับผิดเมาขับจริง เผยคลิปอีกมุม แจงถีบหน้ารองผกก.เป็นการป้องกันตัว ชี้คาใจด่าน ให้ไปกับชายไม่ใส่เครื่องแบบตำรวจ 2 คน ยันไม่ได้ออกมาแถแค่อยากให้สังคมเห็นความจริงทั้ง 2 ด้าน ก่อนระบุได้ ขอโทษ รอง ผกก.แล้ว ส่วนคดีปี 65 เป็นแค่สเปรย์แอลกอฮอล์ป้องกันโควิด ยืนยันวันนั้นไม่ได้ดื่ม ล่าสุดมือดีแฉคลิป หลักฐานมัดแบบดิ้นไม่หลุด เผยคำผรุสวาทของอดีตซีอีโอ เอ่ยประโยคเด็ด ถ้าเมาไม่ถีบหน้ามึงอย่างนี้หรอก แล้วก็ถีบได้อีกด้วย

ขณะที่ ผกก.สน.ประเวศ ยอมรับ คดีผู้บริหารสาวเมาแล้วขับปี 65 ยังไม่ส่งฟ้อง เพราะ พนง.ในขณะนั้นย้ายไปก่อน โดยไม่ได้นัดผู้ต้องหามาส่งฟ้อง และไม่มีใครมาตรวจสอบ ทำให้คดียังค้างอยู่ ล่าสุดได้สั่งการให้ส่งฟ้องแล้ว

3. สธ.แจงแล้ว หลังแอสตร้าฯ ยอมรับวัคซีนโควิดมีผลข้างเคียง

สธ.แจงแล้ว หลังแอสตร้า รับวัคซีนโควิดอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยยอมรับว่ารู้ข้อมูลก่อนแล้ว เพราะทางบริษัทได้แจ้งข้อมูลเป็นวารสารทางการแพทย์ ตั้งแต่ในช่วงที่มีการอนุญาตในลักษณะฉุกเฉิน ซึ่งในขณะนั้นมีการพบและสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน จึงระวังและลดใช้ในระยะหลัง ซึ่งประเทศไทยมีการเก็บข้อมูลผลข้างเคียงหลังการรับวัคซีนทุกชนิด เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมควบคุมโรคและ อย. แต่ในขณะนี้ในไทยไม่มีให้ฉีดแล้ว ด้านหมอธีระวัฒน์ จี้ ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า พร้อมโพสต์คดีแรกที่ฟ้องร้องเมื่อปีที่แล้ว ของคุณพ่อลูกสอง เกิดอาการบาดเจ็บทางสมองถาวร

4.ผอ.-ครู แอบ ถอนเงินออมนักเรียน 103 คน เกลี้ยงบัญชี สูญกว่า 5 แสน

ผู้ปกครอง โวยครู-ผอ.โรงเรียนประถมชื่อดัง จังหวัดชัยภูมิ แอบถอนเงินออมเด็กนักเรียนอนุบาลยัน ป.6 กว่า 103 คน นำไปใช้ส่วนตัว พอเด็กเรียนจบ มาขอเบิกเงิน กลับไม่มีเงินจ่าย มิหนำซ้ำยังทำเรื่องย้ายหนี ชี้สงสารลูกหลานอุตส่าห์เจียดเงินค่าขนมวันละ 5-10 บาท ฝากออมไว้เพื่อเป็นทุน ก่อนแฉซ้ำยังมีทุจริตอาหารกลางวันกว่า 50,000 บาท ที่ไม่จ่ายให้แม่ครัว รวมทั้งเงินลงขันผ้าป่าการศึกษา ก่อสร้างโดมกลางแจ้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนบาท ด้าน ผอ.สพฐ.เขต1 ชัยภูมิ สั่งย้ายผอ.โรงเรียน ช่วยราชการที่ สนง.เขต1แล้ว พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เบี้องต้นพบว่ามีมูลความผิด

5. ชาวสวน ยอมซื้อน้ำรดทุเรียน สู้ภัยแล้ง

ภัยแห้งหนังสุดปีนี้ หลังชาวสวนจันทบุรียอมซื้อน้ำบาดาลรดทุเรียน สู้ภัยแล้ง - บางรายซื้อน้ำกว่าแสนลิตร ยอมจ่าย 1.2 หมื่นบาทต่อวันยังไม่พอ โอดอีกครึ่งเดือนหากยังไม่มีน้ำ คงไปต่อไม่ได้ เพราะหนี้บานและกู้มาหมดแล้ว ขณะที่บางคนสู้ไม่ไหวยยอมปล่อยตายเกือบยกสวน เหตุไม่มีต้นทุนซื้อน้ำ ล่าสุดแหล่งน้ำเริ่มทยอยปิดเพราะน้ำเริ่มแห้งขอด ส่วนบางสวนยังพอยิ้มได้ มีน้ำสำรอง ตัดผลผลิตล็อตแรก 8 ตัน วอน จนท.ช่วยแก้ปัญหา ชาวสวนอยากได้แหล่งเก็บน้ำ

6. ร้อนเกิดเหตุ เหล็กรางรถไฟร้อนจัดจนโก่งตัว เสี่ยงอันตราย

อากาศร้อนจัดตอนกลางวันเป็นเหตุ ทำเหล็กรางรถไฟ ช่วงระหว่างสถานีร่อนพิบูลย์-สถานีชุมทางเขาชุมทองนครศรีฯ คดงอ จนต้องหยุดเดินขบวนรถชั่วคราว ขณะที่เจ้าหน้าที่การรถไฟ เร่งระดมฉีดน้ำ ประคบน้ำแข็ง คลายความร้อน ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง รางรถไฟจึงกลับคืนสภาพตามปกติ ด้านหัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ (รฟท.) สั่งเพิ่มความถี่ตรวจสภาพทางทุกเส้นทางป้องกันอุบัติเหตุ เพิ่มหินโรยทางรักษาแนวรางรถไฟให้มั่นคง วอนประชาชนมั่นใจได้ในความปลอดภัย

7.อนุทิน เปิดวันแรงงานแห่งชาติ 10 ข้อเรียกร้องผู้ใช้แรงงาน

วันแรงงานคึกคัก “อนุทิน-พิพัฒน์” ประกาศลั่นเวทีลานคนเมือง 1 ต.ค. ปรับค่าจ้าง 400 บาททั่วประเทศ ถือเป็นนโยบายสำคัญไม่ต่างกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และต้องการเห็นความมั่นคงของผู้ใช้แรงงานเป็นสำคัญที่สุด ด้าน 16 สภาองค์กรลูกจ้างยื่น 10 ข้อ ให้รัฐปรับสวัสดิการ แก้กฎหมายให้เป็นธรรม ตั้งโรงพยาบาลประกันสังคม ธนาคารแรงงาน ส่วน สสรท.-สรส. จัดกิจกรรมที่ประตู 5 ทำเนียบฯ ทวงข้อเรียกร้องเดิม 13 ข้อ ต้องปรับเพิ่มค่าจ้าง 492 บาท



เรื่องเล่าการเมือง

-ทักษิณ ย่องดูโครงการอุโมงค์ป่าตอง ผู้ว่าฯภูเก็ต ตามประกบ


ในขณะที่ใน กทม.ยังมีความเคลื่อนไหวคึกคักต่อเนื่องจากการปรับ ครม. เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวเงียบ ๆ ของนายทักษิณ ที่ภูเก็ต หลังจากวันก่อนมีภาพนายทักษิณไปเดินเที่ยวอยู่ที่นั่น

โดยมีภาพออกมาว่า เมื่อวาน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปดูความคืบหน้าโครงการทางเศษกะทู้-ป่าตอง หรือ โครงการอุโมงค์ป่าตอง ที่บริเวณจุดเริ่มต้นโครงการ ใกล้กับสำนักสงฆ์บางทอง ต.กะทู้ อ.กะทู้ โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงรายละเอียดโครงการ และยังมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ร่วมเดินทางไปด้วย

สำหรับโครงการอุโมงค์ป่าตอง ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วเพื่อแก้ปัญหาการจราจรจากกะทู้ไปยังป่าตอง และลดอุบัติเหตุทางขึ้นเขาป่าตอง แต่โครงการยังไม่เกิด โดยก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้อยู๋ในขั้นตอนที่ทางการทางพิเศษกำลังปรับรูปแบบการลงทุน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 14,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีภาพที่นายทักษิณ เดินทางไปที่สวนน้ำอันดามันดา ที่อยู่ในเครือพราวกรุ๊ป ของลูกสาวนายสุวัจน์ด้วย โดยนายโสภณ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ก็ร่วมถ่ายภาพหมู่กับนายทักษิณด้วย

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในช่วงปลายเดือนนี้ นายทักษิณ จะเดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดในภาคอีสาน โดยจังหวัดหนึ่งที่จะไปคือนครราชสีมา ซึ่งจะแวะไปรับประทานอาหารที่บ้านนายสุวัจน์ด้วย

สำหรับการเดินทางมาภูเก็ตของนายทักษิณครั้งนี้ ได้เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา และจะเดินทางกลับ กทม. ในเช้าวันนี้



-นายกฯ ล่องเรือดูปรับภูมิทัศน์คลองเปรมฯ ย้ำชาวบ้านได้แน่ เงินหมื่น

ขณะที่เมื่อวานท่านนายกฯ ไปล่องเรือดูปรับปรุงภูมิทัศน์คลองเปรมประชากร ก็มีชาวบ้านริม 2 ฝั่งคลองทักทายกันคึกคึก และบางคนถามเรื่องการแจกเงิน 1 หมื่นบาทด้วย ซึ่งท่านนายกฯ ยืนยันว่า “ได้แน่นอน”

เมื่อวานช่วงเย็น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากร โดยได้ล่องเรือติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างบ้านมั่นคงตามเฟสต่างๆ และ การพัฒนาคลองเปรมประชากร จากท่าเรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย เขตบางซื่อ มายังสวนสาธารณะปตท. เขตหลักสี่ รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ก็มีบรรยากาศชาวบ้านริม 2 ฝั่งคลอง ได้ตะโกนและโบกมือทักทายเรียก “ท่านนายกๆ” พร้อมกับถ่ายรูป และบางช่วงมีประชาชนร้องเรียนว่า “เดี๋ยวต่อไปประชาชนที่อยู่ตรงนี้จะไม่มีที่อยู่แล้ว จะโดนไล่ที่แล้ว จะไม่มีที่อยู่แล้ว” ระหว่างที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ได้ชี้แจงนายกฯ ในรายละเอียดการดำเนินโครงการ

ซึ่งระหว่างล่องเรือ จุดที่คึกคัก คือ บริเวณตลาดชุมชนประชาร่วมใจ 1 ได้มีกลุ่มชาวบ้านที่มาเดินตลาดพร้อมใจตะโกนเรียกนายกฯ ก็ได้นำเรือแวะจอดเทียบฝั่ง โดยมีชาวบ้านมาขอจับมือ และมอบพวงมาลัยให้นายกฯ ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งตะโกนบอกนายกฯว่า ”อยากได้เงินหมื่น“ นายกฯจึงหันมายิ้มตอบว่า “ได้แน่นอน” ทำให้กลุ่มชาวบ้านต่างกล่าว ขอบคุณ



-มาริษ ไร้ปัญหาทำงาน รมว.ต่างประเทศ แม้ไม่ควบรองนายกฯ

ส่วนการปรับครม.ใหม่ เมื่อวานนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” ก็บอกว่าไม่หนักใจกับการทำหน้าที่ต่อจากนายปานปรีย์ และมั่นใจว่าทำงานได้ ไร้ปัญหาแม้ไม่ควบตำแหน่งรองนายกฯ

เมื่อวานนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ช่วงเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ก็บอกว่า ท่านนายกฯ ยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือมอบหมายงานอะไร เพราะขณะนี้ตนยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ

ก็บอกว่า ได้พูดคุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ตนเคยเป็นที่ปรึกษา ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ต้องมาสานงานต่อ เพราะตนก็เป็นลูกหม้อของกระทรวงอยู่แล้ว

ส่วนการที่ไม่ได้นั่งควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย จะส่งผลต่อการทำงานหรือไม่ นายมาริษ มั่นใจว่าสามารถทำงานได้ ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ก็ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่ามีความสนิทสนมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

สำหรับขั้นตอน ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่แล้ว มีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ประสานแจ้งให้เตรียมพร้อม เดินทางมาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรี เพื่อถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะนำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฎิบัติหน้าที่ในช่วงเย็นวันที่ 3 พ.ค.นี้



–ศาล รธน. ขยายเวลาก้าวไกล แจงคดียุบพรรคถึง 18 พ.ค.

ส่วนทางฝั่งพรรคก้าวไกล เมื่อวานได้รับข่าวดี เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาในการชี้แจงข้อกล่าวหาคดียุบพรรคให้อีก 15 วัน เป็นถึงวันที่ 18 พฤษภาคม นี้

โดยเมื่อวานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมปรึกษาคดีที่ กกต. ขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาในการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นครั้งครั้งที่ 2 ออกไปอีก 30 วัน นับถัดจากวันครบกำหนดขยายระยะเวลาครั้งแรก คือ วันที่ 3 พ.ค.2567

หลังการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไป 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 18 พ.ค.นี้

ซึ่งภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ขยายเวลา แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค รวมถึงทีมกฎหมาย ได้ประชุมร่วมกันทันที เพื่อกำหนดรายละเอียดในการแก้ข้อกล่าวหาให้รอบคอบ รัดกุมมากที่สุด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/cc7_Jgm4AI0


คุณอาจสนใจ

Related News