ข่าวโซเชียล

เปิดใจ ‘ป๋าติ๋ม’ หลังหญิงฝรั่งเศส ยกมรดกให้ 100 ล้าน ด้าน 'ทนายเกิดผล' ชี้ หากพินัยกรรมสมบูรณ์ มีผลทันที

โดย attayuth_b

2 พ.ค. 2567

180 views

กรณีหญิงชาวต่างชาติปลิดชีพตัวเอง ก่อนตายได้ยกทรัพย์สินมูลค่าเกือบ 100 ล้าน ให้แม่บ้านคนสนิท


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ ป้าติ๋ม ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร แม่บ้านคนสนิทของผู้ตายแล้ว โดยเธอเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองได้รู้จักกับคุณแคทเทอร์รินมากว่า 17 ปีแล้ว โดยเพื่อนของคุณแคทเทอร์รินได้แนะนำให้ตนเองไปสมัครทำงานเป็นแม่บ้านที่ห้องเช่าของคุณแคทเทอร์ริน

จากนั้น คุณแคทเทอร์ริน ก็ได้ขยายธุรกิจจากห้องพักให้เช่า มาสร้างรีสอร์ต สร้างวิลล่า ธุรกิจเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตนเองก็ได้เป็นแม่บ้านคอยช่วยคุณแคทเทอร์รินมาตลอด

จนล่าสุดเมื่อ 12 ปีก่อน คุณแคทเทอร์รินได้มาซื้อที่ดินบนเกาะสมุย โดยจดทะเบียนเป็นบริษัท เพื่อสร้างวิลล่า จำนวน 5 หลัง และสร้างบ้านวิลล่าหลังนี้ไว้พักอาศัยเอง ตอนนั้น มีคุณแคทเทอร์ริน คุณวินเซ่น (สามีเก่า) และตนเอง ซึ่งเป็นแม่บ้าน มีกันเพียง 3 คน มาช่วยกันดูแลในการสร้างวิลล่าหลังนี้ และทำพิธียกเสาเอกด้วยกัน

ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ตนเองยังได้เดินทางมาทำความสะอาดบ้านให้กับคุณแคทเทอร์ริน ตามปกติถึงแม้เป็นวันหยุดก็ตาม หลังจากนั้นช่วงบ่ายตนเองได้ขอไปทำบุญที่วัดใกล้วิลล่า เนื่องจากเป็นวันเกิดของตนเองพอดี ซึ่งคุณแคทเทอร์รินก็อนุญาตให้ไปตามปกติ แถมยังบอก "แฮปปี้เบิร์ธเดย์" บอกตนเองมีความสุขมากๆ นะ อวยพรให้กับตนเองอยู่เลย ก่อนที่ตนเองจะออกจากวิลล่าไป

ซึ่งช่วงที่ไปทำบุญวันเกิดเหตุ ตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร และได้ขอพรกับพระพุทธรูปที่วัด อธิษฐานว่า ในวันเกิดปีนี้ขอให้ตัวเองสุขภาพแข็งแรง อย่าได้เจ็บป่วย และขอให้โชคดีไม่ยากจน จากนั้นตนเองได้ทำบุญโลงศพที่วัด เพื่อทำบุญเป็นของขวัญวันเกิดให้กับตัวเอง โดยมีเพื่อนของตนเองยังถ่ายคลิปไว้อยู่เลย

แต่กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 29 เมษายน คนงานทำความสะอาดสระน้ำ ซึ่งเดินทางไปที่วิลล่า ได้โทรศัพท์มาหา และบอกว่าคุณแคทเทอร์ริน นอนเลือดไหลอยู่บนวิลล่าใกล้สระน้ำ ตอนนั้นตนเองตกใจมาก และรีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูด้วยความเป็นห่วง

แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า คุณแคทเทอร์รินเสียชีวิตแล้ว โดยมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณขมับ ส่วนกล้องวงจรปิดถูกกดลงให้มองไม่เห็นในที่เกิดเหตุ จากนั้นเพื่อนคนงานอีกคนซึ่งเป็นคนสวนได้เดินทางมาด้วย จึงเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่า มีปืนวางอยู่ข้างตัวของคุณแคทเทอร์ริน

จากนั้นตนเองจึงรีบแจ้งตำรวจทันที และได้บันทึกภาพไว้ 1 ภาพ ซึ่งเป็นภาพขณะคุณแคทเทอร์รินนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงอาบแดดและภายหลังจากนั้นตนเองซึ่งเป็นคนไม่ค่อยเปิดโทรศัพท์ดู LINE ปรากฏว่า ก่อนจะเกิดเหตุคุณแคทเทอร์ริน ยังได้ส่งข้อความทางไลน์มาให้ตนเองเพื่อสั่งเสียไว้ทั้งหมด คล้ายกับ ทำพินัยกรรมไว้ โดยในข้อความเท่าที่ตนเองและเพื่อนของคุณแคทเทอร์ริน ที่มาเปิดเซฟพร้อมกันได้อ่าน ระบุประมาณว่า "คุณแคทเทอร์ริน ได้ยกบ้านวิลล่าหลังนี้พร้อมที่ดิน รวมถึงที่ดินเปล่าข้างวิลล่า จำนวน 2 ไร่ , รถยนต์หรู เครื่องประดับ แหวน เพชร ซึ่งอยู่ในตู้เซฟ และเงินสดที่อยู่ในธนาคารอีก ไม่รู้จำนวน โดยยกให้ตนเองทั้งหมด ซึ่งคาดว่า ทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท ที่คุณแคทเทอร์รินยกให้กับตนเอง และอีกส่วน คือ วิลล่าจำนวน 2 หลัง ได้มอบให้กับ คุณวินเซ่น สามีเก่าของคุณแคทเทอร์ริน

นอกจากนี้ คุณแคทเทอร์ริน ยังได้สั่งเสียให้ช่วยดูแลแมวอีก 3 ตัวที่เธอรักมากๆ ให้ตนเองดูแลต่ออีกด้วย ตอนนั้นตนเองตกใจมากที่ได้อ่านพินัยกรรมที่ระบุไว้ และไม่คิดว่าคุณแคทเทอร์รินจะทำแบบนี้ "ป้าอยากให้เขาอยู่กับป้า ป้าไม่ได้อยากได้แบบนี้ ป้าได้เยอะจริง ของที่แกยกให้ แต่ป้าต้องเสียแกไป ป้าเสียใจมาก ป้าคิดถึงเขามาก ไม่อยากให้เขาจากไปเลย เขาเปรียบเสมือนแม่คนหนึ่งของป้าที่ดูแลป้ามาตลอด ป้าสัญญาว่า ป้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"

ป้าติ๋มยังบอกอีกว่า คุณแคทเทอร์ริน ยังได้โอนเงินค่าจ้าง ค่าอินเตอร์เน็ตจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟทั้งหมดแล้ว รวมถึง โอนเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้กับตนเองเพื่อเป็นค่าทำศพให้กับแกอีกด้วยซึ่ง ตนเองสัญญาจะจัดงานให้ดีที่สุด และจะไม่ลืมพระคุณของคุณแคทเทอร์รินเลย

โดยหลังจากนี้ ตนเองยังไม่ได้คิดว่า จะเอาวิลล่าหลังนี้ไปทำอะไรต่อ แต่คงไม่ขายแน่นอน เช่นเดียวกับรถหรูที่คุณแคทเทอร์รินยกให้ ถึงแม้ตนเองจะขับไม่เป็นก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่คุณแคทเทอร์ริน ตัดสินใจจบชีวิตคิดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด เนื่องจากที่ผ่านมา เธอจะตัดพ้อกับตนเองอยู่ตลอดว่าตัวเองเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแคทเทอร์ริน ป่วยเป็นโรคริดสีดวง ก่อนจะกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งตนเองยังเชื่อมั่นว่า ที่เธอทำนั้นคงอยากไปอย่างสงบ

สำหรับป้าติ๋มนั้นมีลูกทั้งหมด 4 คน มีอาชีพเป็นแม่บ้านมาตั้งแต่วัยรุ่น และได้ติดตามทำงานเป็นหัวหน้าแม่บ้านให้กับผู้ตายมากว่า 17 ปี โดยมีเงินเดือนอยู่ประมาณ 22,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ให้ความเห็นทางมุมกฎหมายว่า ในกรณีนี้ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าคนต่างชาติทำพินัยกรรม ตอนที่มีสติสัมชัญญะสมบูรณ์ และเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ถูกต้อง คือมีพฤติกรรมฉบับเดียวหรือเป็นพินัยกรรมฉบับล่าสุด ก็มีผลสมบูรณ์ ก็สามารถรับทรัพย์สินทางพินัยกรรมได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องสอบถามทายาท เว้นแต่ว่า ญาติของชาวต่างชาติคัดค้าน หรือต่อสู้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ซึ่งเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ ที่ถูกต้อง ทายาทคนอื่นจะถูกตัดไป โดยผลทางกฎหมายทันที


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/OqCp1c7znKM

คุณอาจสนใจ

Related News